นาโช่ ปราการหลังกัปตัน กับ ลูก้า โมดริช มิดฟิลด์ไดนาโม ร่วมกันผงาดขึ้นแท่นผู้คว้าแชมป์มากสุดตลอดกาลกับ เรอัล มาดริด ด้วยจำนวน 26 ถ้วย ภายหลังเอาชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 2-0 ในนัดชิง แชมป์เปี้ยนส์ ลีก
ก่อนหน้านี้ นาโช่ กับ โมดริช ทำสถิติเทียบอดีตแข้งอย่าง คาริม เบนเซม่า และ มาร์เซโล่ (25 ถ้วย) แต่ชัยชนะที่ เวมบลี่ย์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้ทั้งคู่แซงตำแหน่งในทำเนียบแชมป์สำเร็จ
ดานี่ คาร์บาฆาล แบ็คขวาผู้ปลดล็อคประตูขึ้นนำ บวกเพิ่มเป็น 25 สมัยขึ้นอันดับสองร่วม และทั้งตัวเขา, โมดริช, นาโช่ รวมไปถึง โทนี่ โครส คว้าแชมป์เปี้ยนส์ ลีก ครบ 6 สมัยมากกว่าใครในประวัติศาสตร์
นอกจาก แชมป์เปี้ยนส์ ลีก 6 สมัยแล้ว นาโช่ กับ โมดริช ยังสร้างสถิติจาก ลาลีก้า 4 สมัย, โกปา เดล เรย์ 2 สมัย, ซูเปอร์โกปา 5 สมัย, สโมสรโลก 5 สมัย และ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 4 สมัย
วินิซิอุส จูเนียร์ ผู้ยิงปิดกล่อง ร่วมสร้างสถิติเลี้ยงผ่านคู่แข่งในนัดชิงบอลยุโรปรายการใหญ่ 8 ครั้ง มากที่สุดนับตั้งแต่ ลีโอเนล เมสซี่ ทำได้เมื่อปี 2015 (10 ครั้ง) ส่วน อาร์ด้า กูเลร์ กลายเป็นแข้งตุรกีคนแรกที่ได้ชูถ้วย แชมปเปี้ยนส์ ลีก
สัญญาของ นาโช่ วัย 34 ปี ผู้ลงนัดชิงเต็มเวลา และ โมดริช วัย 38 ปี ซึ่งถูกเปลี่ยนลงนาที 86 กำลังหมดซัมเมอร์นี้ และ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร กล่าวขณะฉลองแชมป์ อัพเดทอนาคตทั้งคู่แตกต่างกัน
“ผมคิดว่า ลูก้า โมดริช จะอยู่กับเราต่อไปอีกหนึ่งปี แต่สำหรับ นาโช่ พูดตามตรงคือผมไม่รู้ และคุณต้องไปถามเขา เราจะมีความสุขหากเขาอยู่ต่อ”
ขณะเดียวกันตัว นาโช่ สัมภาษณ์หลังแข่งหลั่งน้ำตาดีใจ พร้อมให้คำตอบถึงอนาคตกับสโมสรผู้ปลุกปั้น: “ตอนนี้ผมไม่ต้องการพูดเรื่องนั้น ผมแค่มีความสุขมากที่ได้สร้างประวัติศาสตร์กับทีม”
“ผมอุทิศชีวิตให้สโมสร และมันคือผลงานที่ยิ่งใหญ่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุดในชีวิต ฝันผมเป็นจริงแล้ว และผมจะชูถ้วยแชมป์นี้ให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้”
